ผ้าม่านถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้ไม่ว่าจะห้องไหนก็ตาม ผ้าม่านที่ดีช่วยเสริมสร้างทั้งสุนทรียภาพโดยรวมของห้องและภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ผู้อยู่อาศัย ควบคุมปริมาณแสงแดดให้อยู่ในระดับที่พอดีและสร้างบรรยากาศการอยู่อาศัยที่สบายและเหมาะสม และวันนี้ เหมือนเช่นเคย LUXE DÉCOR ขอพาทุกท่านมาชมผ้าม่านอีกหนึ่งประเภทซึ่งเป็นที่นิยม อย่างบรรดา ‘ผ้าม่านหรู’ ที่เรียกได้ว่าครองใจผู้อยู่อาศัยทุกท่านมาอย่างยาวนาน จะมีผ้าม่านหรูรูปแบบใดน่าสนใจ ดูเข้าตากันบ้าง มาเริ่มกันเลย
เมื่อกล่าวถึงผ้าม่านหรู แน่นอนว่าต้องกล่าวถึง ‘ผ้าม่านหลุยส์’ (Louise Curtains Design) สุดคลาสสิก ที่มอบความหรูหราให้แก่ผู้อยู่อาศัยมาอย่างยาวนาน จุดเด่นสำคัญของผ้าม่านหลุยส์อยู่ที่ 2 องค์ประกอบสำคัญ คือ ‘ลูกหลุยส์’ หรือ บริเวณม่านทรงโค้ง รูปทรงหยดน้ำ ที่ถูกจับจีบอย่างละเมียดละไมอยู่ด้านบน และ ‘หางหลุยส์’ หรือ ชายผ้าที่เรียงซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ที่บริเวณซ้าย-ขวาของลูกหลุยส์อย่างลงตัว ลักษณะและรูปทรงของลูกหลุยส์ทำให้ผ้าม่านดูมีมิติ หรูหรา และภูมิฐาน ที่บริเวณปลายของผ้าม่านหลุยส์ส่วนใหญ่ยังอาจประดับด้วยชายครุย (อุปกรณ์ประดับที่ชายระบาย) ช่วยเสริมความงดงามของผ้าม่านหลุยส์ให้มากยิ่งขึ้น
ม่านหลุยส์ (Louise Curtains Design) เหมาะสำหรับ
อีกหนึ่งรูปแบบผ้าม่านหรูที่เป็นที่นิยมในหมู่ผู้รักผ้าม่าน แน่นอนว่าคือ ‘ผ้าม่านจีบ’ (Pleated Curtains) หรือ ผ้าม่านจับจีบ ที่ถือว่าเป็นผ้าม่านหลักหรือผ้าม่านมาตรฐานของการตกแต่งผ้าม่านตลอดมา จุดเด่นของผ้าม่านจับจีบ คือ บริเวณหัวผ้าม่านด้านบนที่จะถูกจับจีบเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แสดงออกถึงความประณีต บรรจง ช่วยทำให้บรรยากาศภายในห้องดูหรูหราภายใต้หลักการความเรียบง่าย ทันสมัย และดูภูมิฐาน ซึ่งจะแตกต่างจากผ้าม่านหลุยส์ที่เปี่ยมด้วยความรุ่มรวย
ผ้าม่านจีบ (Pleated Curtains) เหมาะสำหรับ
ม่านลอน (Wave Curtains) อีกหนึ่งลักษณะผ้าม่านหรูยอดนิยมที่หลายคนมักจับสับสนกับม่านจีบเพราะมีลักษณะเป็นจีบคล้ายกัน แต่ต้องบอกว่าม่านลอนนั้นไม่ได้มี ‘การจับจีบ’ ที่ด้านบนเหมือนกับม่านจีบแต่อย่างใด แต่จะเป็นการจับจีบในลักษณะที่มีความเป็นสมัยใหม่มากกว่าเล็กน้อยคือเย็บในแนวตรงให้ผ้าม่านมีลักษณะเป็น ‘ลอน’ หรือในลักษณะ ‘ลูกคลื่น’ ที่พองออกมาจากผืนผ้าม่านเล็กน้อยอย่างโดดเด่นและลงตัว ช่วยให้ผ้าม่านดูสวยงามอย่างมีมิติ สามารถเข้ากับสไตล์การตกแต่งอย่างหลากหลาย
ม่านลอน (Wave Curtains) เหมาะสำหรับ
4. ม่านตาไก่ (Eyelet Curtains)
เชื่อว่าหลายคนที่เคยเห็นม่านตาไก่ (Eyelet Curtains) ผ่านตา คงสงสัยกันอยู่ไม่น้อยว่าม่านประเภทนี้ต่างกับม่านจีบและม่านลอนอย่างไร? อันที่จริงต้องบอกว่าในด้านรูปทรง ม่านทั้งสามนั้นมีลักษณะเป็นจีบและลอนคล้ายกัน แต่จุดแตกต่างสำคัญของม่านตาไก่อยู่ที่ลักษณะจีบหรือลอนดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการจับจีบด้านบนเหมือนม่านจีบ หรือเย็บตรงเป็นลอนเหมือนม่านลอนแต่อย่างใด แต่ที่บริเวณด้านบนจะถูกใส่ห่วงตาไก่และร้อยเข้ากับรางโชว์จนเกิดเป็นลอนอย่างธรรมชาติที่มีความพริ้วไหวและอิสระมากกว่าแทน
ม่านตาไก่ (Eyelet Curtains) เหมาะสำหรับ
5. ม่านพับ (Roman Blinds)
ปิดท้ายรายการสุดท้ายกันด้วยม่านดีไซน์เรียบง่ายทว่าโดดเด่นอย่าง ‘ม่านพับ (Roman Blinds)’ ที่มีเอกลักษณ์คือลักษณะของการเป็น ‘ผ้าม่านผืนเดียว ที่ถูกเปิด-ปิดด้วยการใช้เชือกดึง และเมื่อผู้ใช้งานดึงเชือกปิด บริเวณด้านล่างของผ้าม่านก็จะถูกดึงทบด้านบนเป็นชั้น ๆ ซ้อนกันอย่างคลาสสิกและสวยงาม ช่วยรักษาพื้นที่และเปิดทัศนะวิสัยในการมองเห็น เหมาะเป็นพิเศษกับห้องหรือบริเวณที่มีขนาดจำกัด ให้บรรยากาศที่หรูหราและเรียบง่ายอย่างโดดเด่น
ม่านพับ (Roman Blinds) เหมาะสำหรับ
จบลงแล้วสำหรับ 5 รายการรูปแบบผ้าม่านหรูหราที่วันนี้ LUXE DÉCOR ได้นำมาฝากทุกท่าน แต่ละรูปแบบเรียกได้ว่ามีความหรูหราในแบบฉบับของตนเองอย่างโดดเด่นบางรูปแบบ เช่น ม่านหลุยส์ที่อาจให้บรรยากาศที่ดูโอ่อ่าและย้อนยุคกว่าเล็กน้อย ในขณะที่บางรูปแบบ เช่น ม่านตาไก่ จะให้บรรยากาศที่ดูสมัยใหม่มากกว่า เหมาะกับการตกแต่งในอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด LUXE DÉCOR หวังว่าทุกท่านคงจะพอได้เห็นรูปแบบที่เข้าตากันบ้างแล้ว
ABOUT LUXE DECOR
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอคำปรึกษาจากทีมผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าม่านของเราได้ที่