ผ้าม่านกันแสง ม่านทึบแสง ม่านปรับแสง ตัวช่วยปกป้องบ้านจากแสงแดด


สภาพอากาศร้อนของประเทศไทยมีแสงแดดจัดและร้อนชื้นตลอดทั้งปี หลายบ้านต้องเจอกับแสงส่องสว่างเข้ามาภายในห้อง ทำให้ห้องร้อนจนไม่น่าอยู่ หรือเฟอร์นิเจอร์เสียหายจากการสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน ซึ่งการใช้ ผ้าม่านกันแสง สามารถช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ ช่วยปกป้องบ้านจากแสงแดดและความร้อนที่นับวันยิ่งรุนแรงมากขึ้น อีกทั้งยัง ช่วยเพิ่ม ความสวยงามแก่บ้านด้วย ดังนั้น บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับผ้าม่านกันแสงประเภทต่างๆ พร้อมบอกข้อดีและวิธีการเลือกใช้ให้เหมาะกับห้องในบ้าน

ผ้าม่านกันแสงคืออะไร?

ผ้าม่านกันแสง หรือม่านกันแดด คือ นวัตกรรมผ้าม่านที่ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นมาเพื่อป้องกันแสงแดดและความร้อนจากภายนอกไม่ให้เข้าสู่ภายในบ้าน โดยสามารถกันแสงได้ตั้งแต่ 40% ไปจนถึง 100% ขึ้นอยู่กับประเภทและการผลิตของผ้าม่าน อีกทั้งด้วยเทคโนโลยีในการผลิตที่ทันสมัย ทำให้ผ้าม่านกันแสงไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าที่หนาและหนักอีกต่อไป แต่ยังคงประสิทธิภาพในการกันแสงและความร้อนได้ดีเยี่ยม

นอกจากการป้องกันแสงแดดแล้ว ผ้าม่านกันแสงยังมีคุณสมบัติอื่นๆ อีกมากมาย เช่น

  • ป้องกันรังสียูวีที่เป็นอันตรายต่อผิวหนังและเฟอร์นิเจอร์
  • ลดเสียงรบกวนจากภายนอก ช่วยให้บ้านเงียบสงบมากขึ้น
  • ผ้าม่านกันแสงบางรุ่นมีคุณสมบัติป้องกันการลามไฟ (Flame Retardant) เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
  • ช่วยประหยัดพลังงานจากการใช้เครื่องปรับอากาศ เนื่องจากป้องกันไม่ให้ห้องไม่ร้อนเร็วเกินไป
  • เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัย

พอรู้คุณสมบัติคร่าวๆ ของผ้าม่านชนิดนี้แล้ว มาดูกันว่าผ้าม่านกันแสงสามารถแบ่งออกได้เป็นกี่ประเภท แล้วแต่ประเภทมีคุณสมบัติแตกต่างกันอย่างไร

ผ้าม่านทึบแสง (Black Out)

ผ้าม่านทึบแสง หรือ ผ้าม่าน Black Out เป็นผ้าม่านที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันแสง โดยสามารถปิดกั้นแสงจากภายนอกได้มากถึง 100% ทำให้ห้องมืดสนิทแม้ในเวลากลางวัน ซึ่งผ้าม่านประเภทนี้มีวิธีการผลิตที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

  • เคลือบโฟม (Foam Coating)

ผ้าม่านทึบแสงแบบเคลือบโฟม ผลิตด้วยการเคลือบด้านหลังของผ้าด้วยโฟม 2-3 ชั้น ทำให้มีความหนากว่าแบบอื่นๆ นอกจากจะกันแสงได้ดีเยี่ยมแล้ว ยังช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้อีกด้วย จึงเหมาะสำหรับห้องที่ต้องการความเงียบสงบ เช่น ห้องนอน หรือห้องทำงาน

  • เคลือบซิลิโคน (Silicone Coating)

ผ้าม่านทึบแสงเคลือบซิลิโคนมีกระบวนการผลิตคล้ายกับแบบเคลือบโฟม แต่ใช้ซิลิโคนในการเคลือบแทน ส่งผลให้ผ้าม่านมีน้ำหนักเบากว่า และสามารถโค้งตัวเป็นลอนสวยงามได้ดีกว่า ช่วยการตกแต่งภายในดูสวยงามและมีสไตล์มากขึ้น ผ้าม่านแบบนี้สามารถซักและรีดได้ง่ายกว่าแบบเคลือบโฟม

  • แบบหลังผ้า (Fabric Coating)

ผ้าม่านทึบแสงรูปแบบนี้ผลิตขึ้นจากเทคนิคการนำผ้า 2 ชิ้นมาประกบกัน โดยมีวัสดุทึบแสง เช่น ยางดำ ติดอยู่ตรงกลางระหว่างเนื้อผ้า ทำให้สามารถป้องกันการลอดผ่านของแสงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ้าม่านแบบนี้มักพบได้ตามโรงแรมต่างๆ เนื่องจากมีขนาดใหญ่เป็นผืนเดียวกันและมีราคาค่อนข้างสูง แต่ให้ความรู้สึกหรูหราอย่างมาก

ผ้าม่าน Blackout เหมาะสำหรับห้องนอนของผู้ที่ต้องการพักผ่อนช่วงกลางวัน ห้องของเด็กเล็กที่ต้องการนอนหลับ ห้องโฮมเธียเตอร์หรือห้องดูหนังที่ต้องการความมืดสนิท ห้องที่ได้รับแสงแดดโดยตรงตลอดทั้งวัน รวมถึงห้องที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตกซึ่งรับแสงแดดจัดในช่วงบ่ายถึงเย็น

ผ้าม่านกรองแสง (Dim Out)

ม่านกรองแสง หรือ ผ้าม่าน Dim Out เป็นผ้าม่านที่สามารถกันแสงได้ในประมาณ 40-95% ขึ้นอยู่กับความเข้มของสีผ้าและความหนาของเนื้อผ้าที่ใช้ ซึ่งโดยทั่วไปผลิตจากผ้าโพลีเอสเตอร์ ผ้าม่าน Dim Out จึงให้ความรู้สึกพลิ้วไหวเป็นธรรมชาติมากกว่าผ้าม่าน Black Out ทำให้บรรยากาศในห้องดูอบอุ่นและเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยยังคงสามารถกรองแสงแดดได้ดี แม้จะไม่มืดสนิท แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป

ข้อดีอีกประการของผ้าม่าน Dim Out คือ การดูแลรักษาที่ง่าย สามารถถอดซักทำความสะอาดได้สะดวก โดยที่เนื้อผ้าไม่เสียหาย จึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า พูดได้ว่า ผ้าม่าน Dim Out เหมาะสำหรับ ห้องนั่งเล่นที่ต้องการแสงธรรมชาติบ้าง แต่ไม่มากเกินไป ห้องทำงานที่ต้องการลดแสงสะท้อนบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ และห้องรับแขกที่ต้องการความอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ

ผ้าม่านปรับแสง (Vertical Blinds)

ม่านปรับแสง หรือม่านแนวตั้ง เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมทั้งในบ้านและสำนักงานต่างๆ จุดเด่นของม่านปรับแสงคือความสามารถในการควบคุมทิศทางของแสงได้อย่างแม่นยำ โดยการปรับองศาของแผ่นม่าน ทำให้สามารถเลือกได้ว่าต้องการให้แสงลอดผ่านเข้าได้มากน้อยเพียงใด

ทั้งนี้ ม่านปรับแสงที่ดีควรมีคุณสมบัติเบื้องต้น คือ มีใบซ้อนหรือเกยกันไม่น้อยกว่า 2 เซนติเมตร สามารถปรับองศาได้อย่างอิสระตามความต้องการ ทำจากวัสดุคุณภาพดี ไม่ขาดง่ายหรือขึ้นรา สามารถเช็ดทำความสะอาดง่ายและไม่สะสมฝุ่น อีกทั้งผ้าม่านปรับแสงยังสามารถนำทำเป็นม่านไฟฟ้า เพื่อความสะดวกสบายในการเปิด-ปิดมากขึ้น

ประโยชน์ของผ้าม่านกันแสง

ผ้าม่านกันแสง ม่านทึบแสง ม่านปรับแสง ตัวช่วยปกป้องบ้านจากแสงแดด

 

  • ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้า

หนึ่งในข้อดีที่สำคัญที่สุดของผ้าม่านกันแสง คือ คุณสมบัติในการช่วยลดการใช้พลังงานในบ้าน โดยผ้าม่านกันแสงจะสะท้อนความร้อนจากภายนอก ทำให้ห้องไม่ร้อนอบอ้าวอย่างรวดเร็วจนเกินไป

นอกจากนี้มีการศึกษาที่พบว่า การใช้ผ้าม่านกันแสงสามารถลดอุณหภูมิภายในห้องได้ถึง 3-5 องศาเซลเซียส ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของเครื่องปรับอากาศ โดยเครื่องปรับอากาศไม่จำเป็นต้องทำงานหนักเพื่อลดอุณหภูมิภายในห้อง ช่วยประหยัดพลังงานและลดค่าไฟฟ้าได้ถึง 10-15% ต่อเดือน

  • ช่วยรักษาเฟอร์นิเจอร์

แสงแดดและรังสียูวีสามารถทำลายเฟอร์นิเจอร์และวัสดุภายในบ้านได้อย่างช้าๆ ซึ่งการที่ของใช้ต่างๆ สัมผัสกับแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานานสามารถทำให้ สีของเฟอร์นิเจอร์ซีดจาง ผ้าหุ้มเบาะเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ไม้แห้งและแตกร้าว รูปภาพแขวนผนัง และหนังสือตามชั้นวางเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร

ผ้าม่านกันแสง ช่วยปกป้องเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านจากรังสียูวี ช่วยยืดอายุการใช้งานของข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน ลดความจำเป็นในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์บ่อยๆ ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

  • เพิ่มความเป็นส่วนตัว

ผ้าม่านกันแสง โดยเฉพาะแบบทึบแสงช่วยปิดกั้นสายตาจากภายนอก ทำให้สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ภายในบ้านได้อย่างเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลว่าคนภายนอกจะมองเห็น โดยเฉพาะบ้านที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ชุมชน หรือคอนโดมิเนียมที่มีระยะห่างระหว่างตึกไม่มากนัก

เลือกม่านกันแดดอย่างไรให้เหมาะกับบ้าน

1. พิจารณาจุดติดตั้งผ้าม่าน

ขั้นตอนแรกในการเลือกผ้าม่านกันแสงที่เหมาะสม เริ่มต้นจากการสำรวจทิศทางของห้องและปริมาณแสงที่เข้ามา ดังนี้ 

  • ห้องทิศเหนือ -มักได้รับแสงธรรมชาติอ่อนๆ ตลอดวัน อาจเลือกใช้ผ้าม่าน Dim Out หรือม่านโปร่งแสงเพื่อให้แสงเข้ามากขึ้น
  • ห้องทิศใต้ – ได้รับแสงแดดสม่ำเสมอตลอดวัน อาจเหมาะกับผ้าม่าน Dim Out ที่ป้องกันแสงได้มากในระดับหนึ่ง
  • ห้องทิศตะวันออก – มักรับแสงแดดในช่วงเช้า หากเป็นห้องนอนอาจเหมาะกับผ้าม่าน Black Out เพื่อไม่ให้แสงแดดยามเช้ารบกวนการนอนมากเกินไป
  • ห้องทิศตะวันตก – มักได้รับแสงแดดในช่วงบ่ายถึงเย็น ซึ่งเป็นช่วงที่แสงแดดร้อนและจ้าที่สุด ควรเลือกผ้าม่าน Blackout เพื่อป้องกันความร้อนและแสงแดดที่รุนแรง

นอกจากนี้ ควรวัดขนาดหน้าต่างให้แม่นยำก่อนตัดสินใจซื้อผ้าม่าน โดยคำนึงถึงความยาวและความกว้างของผ้าม่านเพื่อการปกปิดหน้าต่างที่เหมาะสม หากต้องการติดตั้งรางผ้าม่านด้านนอกกรอบหน้าต่าง ควรวัดให้กว้างกว่าขอบหน้าต่างประมาณ 10-20 เซนติเมตรในแต่ละด้าน หรือเลือกใช้บริการวัดพื้นที่จากร้านผ้าม่านผู้เชี่ยวชาญ

2. เลือกสีของผ้าม่าน Dim Out

อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่า ระดับการป้องกันแสงของผ้าม่าน Dim Out ขึ้นอยู่กับความเข้มของสีผ้า โดยปัจจุบันมีตัวเลือกตั้งแต่โทนสีเข้ม ปานกลาง และสีอ่อน เช่น

  • สีโทนเข้ม (สีดำ สีเทาเข้ม สีน้ำเงินเข้ม) – สามารถกรองแสงแดดได้ดีกว่าผ้าม่านสีอ่อน เหมาะกับห้องนอน และห้องสำหรับดูหนัง
  • สีโทนกลาง (สีเทา สีเบจ สีน้ำตาล) – ป้องกันแสงได้ในระดับปานกลาง เหมาะกับห้องทั่วไปที่ต้องการความสมดุลระหว่างความสว่างและการป้องกันแสงแดด
  • สีโทนอ่อน (สีขาว สีครีม) – กันแสงได้น้อยกว่า แต่ช่วยให้ห้องดูสว่าง โปร่งโล่ง และกว้างขึ้น เหมาะกับห้องที่มีพื้นที่จำกัด หรือต้องการใช้แสงสว่างเพื่อจำกิจกรรมในช่วงกลางวัน

3. การดูแลรักษา

ในการเลือกผ้าม่านม่านกันแดด หรือผ้าม่านชนิดใดก็ตาม ควรคำนึงถึงความสะดวกในการดูแลรักษาในระยะยาว

  • ผ้าม่านแบบซักได้ – สามารถถอดออกมาซักทำความสะอาดได้ง่าย เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยง หรือผู้ที่มีอาการแพ้ฝุ่น
  • ม่านปรับแสงหรือมู่ลี่ – ทำความสะอาดได้ง่ายเพียงใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดเป็นประจำ โดยไม่เป็นต้องถอดออก
  • ผ้าม่านที่มีการเคลือบผิว – มีคุณสมบัติกันน้ำ กันคราบสิ่งสกปรก ช่วยให้ทำความสะอาดง่ายขึ้น เพียงใช้ผ้าสะอาดเช็ด แต่อาจมีราคาสูงกว่า

นอกจากนี้ ควรพิจารณาถึงวิธีการติดตั้งที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถเปิด-ปิดม่านได้สะดวก หรือหากผ้าม่านมีขนาดใหญ่ อาจพิจารณาติดตั้งเป็นม่านไฟฟ้า เพื่อให้ใช้งานง่าย และป้องกันไม่เกิดการชำรุดเสียหายจากการใช้งานประจำวัน

การเลือกใช้ผ้าม่านกันแสงที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับบ้านเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์อีกมากมาย ทั้งการปกป้องบ้านจากแสงแดดและความร้อน ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้า เพิ่มคุณภาพการนอนหลับ ปกป้องเฟอร์นิเจอร์จากรังสียูวี และเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัย

ไม่ว่าจะเลือกผ้าม่านทึบแสง แบบ Blackout ที่กันแสงได้ 100% ม่านกรองแสง แบบ Dim Out ที่ให้แสงธรรมชาติลอดผ่านหรือม่านปรับแสงที่ทันสมัยและสามารถควบคุมทิศทางของแสงได้ LUXE DÉCOR พร้อมให้คำแนะนำและบริการที่ครบวงจรเพื่อให้คุณได้ ผ้าม่าน ที่เหมาะสมกับสไตล์การตกแต่งบ้านและความต้องการอย่างแท้จริง

บริการติดตั้งผ้าม่านและวอลเปเปอร์จาก LUXE DÉCOR

บริษัท LUXE DÉCOR คือ ผู้ให้บริการงานติดตั้งผ้าม่าน มู่ลี่ ม่านไฟฟ้า และวอลเปเปอร์ครบวงจร จำหน่ายผ้าม่านกันแสงชนิดต่างๆ รวมถึงมู่ลี่ผลิตจากวัสดุคุณภาพดีเยี่ยม พร้อมให้คำแนะนำกับลูกค้าในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวัดพื้นที่ การวัดขนาดผ้าม่าน/มู่ลี่ การเลือกชนิดผ้าม่าน ไปจนถึงการออกแบบลวดลายผ้าม่านและมู่ลี่ให้เหมาะสมกับสถานที่และการติดตั้ง ดูรายละเอียดประเภทผ้าม่านเพิ่มเติม คลิก

เรายังมีบริการออกแบบและติดตั้งวอลเปเปอร์ สำหรับติดผนังที่มีคุณภาพระดับสากล คัดสรรจากผู้ผลิตจากทั่วทุกมุมโลก ทำให้วอลเปเปอร์ของเรามีความพิเศษไม่ซ้ำใคร คือ

  • พรีเมียมวอลเปเปอร์ (Premium Wallpaper) ลวดลายสวยงามและหลากหลายให้เลือกสรร
  • มีบริการวอลเปเปอร์สั่งพิมพ์ Custom Wallpaper สามารถเลือกลายที่ชอบเพื่อจัดทำเป็นลาย Wallpaper ที่สวยงาม เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใครได้ 

อีกทั้งยังมีบริการหลังการขายที่ครอบคลุม และการรับประกันงานบริการถึง 1 ปีเต็ม

หากสนใจ สามารถสอบถามราคาผ้าม่าน วอลเปเปอร์ หรือขอข้อมูลเพิ่มเติมจากทีมผู้เชี่ยวชาญของเราได้ทาง

LINE Official: @LUXEDECOR

โทร.: 098-289-5159

LUXE DÉCOR ผู้ให้บริการงานผ้าม่านครบวงจร