ผ้าม่าน BLACKOUT อีกหนึ่งผ้าม่านยอดนิยมของผู้ปรารถนาอากาศเย็นสบายและการนอนหลับอย่างเต็มอิ่ม มีข้อควรรู้ใดบ้างเกี่ยวกับผ้าม่านชนิดนี้ วันนี้ LUXE DECORATION รวบรวมมาให้แล้ว
ผ้าม่านกันแสง หรือม่านกันแดด คือ นวัตกรรมผ้าม่านที่ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นมาเพื่อป้องกันแสงแดดและความร้อนจากภายนอกไม่ให้เข้าสู่ภายในบ้าน โดยสามารถกันแสงได้ตั้งแต่ 40% ไปจนถึง 100% ขึ้นอยู่กับประเภทและการผลิตของผ้าม่าน อีกทั้งด้วยเทคโนโลยีในการผลิตที่ทันสมัย ทำให้ผ้าม่านกันแสงไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าที่หนาและหนักอีกต่อไป แต่ยังคงประสิทธิภาพในการกันแสงและความร้อนได้ดีเยี่ยม
นอกจากการป้องกันแสงแดดแล้ว ผ้าม่านกันแสงยังมีคุณสมบัติอื่นๆ อีกมากมาย เช่น
พอรู้คุณสมบัติคร่าวๆ ของผ้าม่านชนิดนี้แล้ว มาดูกันว่าผ้าม่านกันแสงสามารถแบ่งออกได้เป็นกี่ประเภท แล้วแต่ประเภทมีคุณสมบัติแตกต่างกันอย่างไร
ผ้าม่านทึบแสง หรือ ผ้าม่าน Black Out เป็นผ้าม่านที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันแสง โดยสามารถปิดกั้นแสงจากภายนอกได้มากถึง 100% ทำให้ห้องมืดสนิทแม้ในเวลากลางวัน ซึ่งผ้าม่านประเภทนี้มีวิธีการผลิตที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
ผ้าม่านทึบแสงแบบเคลือบโฟม ผลิตด้วยการเคลือบด้านหลังของผ้าด้วยโฟม 2-3 ชั้น ทำให้มีความหนากว่าแบบอื่นๆ นอกจากจะกันแสงได้ดีเยี่ยมแล้ว ยังช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้อีกด้วย จึงเหมาะสำหรับห้องที่ต้องการความเงียบสงบ เช่น ห้องนอน หรือห้องทำงาน
ผ้าม่านทึบแสงเคลือบซิลิโคนมีกระบวนการผลิตคล้ายกับแบบเคลือบโฟม แต่ใช้ซิลิโคนในการเคลือบแทน ส่งผลให้ผ้าม่านมีน้ำหนักเบากว่า และสามารถโค้งตัวเป็นลอนสวยงามได้ดีกว่า ช่วยการตกแต่งภายในดูสวยงามและมีสไตล์มากขึ้น ผ้าม่านแบบนี้สามารถซักและรีดได้ง่ายกว่าแบบเคลือบโฟม
ผ้าม่านทึบแสงรูปแบบนี้ผลิตขึ้นจากเทคนิคการนำผ้า 2 ชิ้นมาประกบกัน โดยมีวัสดุทึบแสง เช่น ยางดำ ติดอยู่ตรงกลางระหว่างเนื้อผ้า ทำให้สามารถป้องกันการลอดผ่านของแสงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ้าม่านแบบนี้มักพบได้ตามโรงแรมต่างๆ เนื่องจากมีขนาดใหญ่เป็นผืนเดียวกันและมีราคาค่อนข้างสูง แต่ให้ความรู้สึกหรูหราอย่างมาก
ผ้าม่าน Blackout เหมาะสำหรับห้องนอนของผู้ที่ต้องการพักผ่อนช่วงกลางวัน ห้องของเด็กเล็กที่ต้องการนอนหลับ ห้องโฮมเธียเตอร์หรือห้องดูหนังที่ต้องการความมืดสนิท ห้องที่ได้รับแสงแดดโดยตรงตลอดทั้งวัน รวมถึงห้องที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตกซึ่งรับแสงแดดจัดในช่วงบ่ายถึงเย็น
ม่านกรองแสง หรือ ผ้าม่าน Dim Out เป็นผ้าม่านที่สามารถกันแสงได้ในประมาณ 40-95% ขึ้นอยู่กับความเข้มของสีผ้าและความหนาของเนื้อผ้าที่ใช้ ซึ่งโดยทั่วไปผลิตจากผ้าโพลีเอสเตอร์ ผ้าม่าน Dim Out จึงให้ความรู้สึกพลิ้วไหวเป็นธรรมชาติมากกว่าผ้าม่าน Black Out ทำให้บรรยากาศในห้องดูอบอุ่นและเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยยังคงสามารถกรองแสงแดดได้ดี แม้จะไม่มืดสนิท แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป
ข้อดีอีกประการของผ้าม่าน Dim Out คือ การดูแลรักษาที่ง่าย สามารถถอดซักทำความสะอาดได้สะดวก โดยที่เนื้อผ้าไม่เสียหาย จึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า พูดได้ว่า ผ้าม่าน Dim Out เหมาะสำหรับ ห้องนั่งเล่นที่ต้องการแสงธรรมชาติบ้าง แต่ไม่มากเกินไป ห้องทำงานที่ต้องการลดแสงสะท้อนบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ และห้องรับแขกที่ต้องการความอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ
ม่านปรับแสง หรือม่านแนวตั้ง เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมทั้งในบ้านและสำนักงานต่างๆ จุดเด่นของม่านปรับแสงคือความสามารถในการควบคุมทิศทางของแสงได้อย่างแม่นยำ โดยการปรับองศาของแผ่นม่าน ทำให้สามารถเลือกได้ว่าต้องการให้แสงลอดผ่านเข้าได้มากน้อยเพียงใด
ทั้งนี้ ม่านปรับแสงที่ดีควรมีคุณสมบัติเบื้องต้น คือ มีใบซ้อนหรือเกยกันไม่น้อยกว่า 2 เซนติเมตร สามารถปรับองศาได้อย่างอิสระตามความต้องการ ทำจากวัสดุคุณภาพดี ไม่ขาดง่ายหรือขึ้นรา สามารถเช็ดทำความสะอาดง่ายและไม่สะสมฝุ่น อีกทั้งผ้าม่านปรับแสงยังสามารถนำทำเป็นม่านไฟฟ้า เพื่อความสะดวกสบายในการเปิด-ปิดมากขึ้น
หนึ่งในข้อดีที่สำคัญที่สุดของผ้าม่านกันแสง คือ คุณสมบัติในการช่วยลดการใช้พลังงานในบ้าน โดยผ้าม่านกันแสงจะสะท้อนความร้อนจากภายนอก ทำให้ห้องไม่ร้อนอบอ้าวอย่างรวดเร็วจนเกินไป
นอกจากนี้มีการศึกษาที่พบว่า การใช้ผ้าม่านกันแสงสามารถลดอุณหภูมิภายในห้องได้ถึง 3-5 องศาเซลเซียส ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของเครื่องปรับอากาศ โดยเครื่องปรับอากาศไม่จำเป็นต้องทำงานหนักเพื่อลดอุณหภูมิภายในห้อง ช่วยประหยัดพลังงานและลดค่าไฟฟ้าได้ถึง 10-15% ต่อเดือน
แสงแดดและรังสียูวีสามารถทำลายเฟอร์นิเจอร์และวัสดุภายในบ้านได้อย่างช้าๆ ซึ่งการที่ของใช้ต่างๆ สัมผัสกับแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานานสามารถทำให้ สีของเฟอร์นิเจอร์ซีดจาง ผ้าหุ้มเบาะเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ไม้แห้งและแตกร้าว รูปภาพแขวนผนัง และหนังสือตามชั้นวางเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร
ผ้าม่านกันแสง ช่วยปกป้องเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านจากรังสียูวี ช่วยยืดอายุการใช้งานของข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน ลดความจำเป็นในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์บ่อยๆ ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
ผ้าม่านกันแสง โดยเฉพาะแบบทึบแสงช่วยปิดกั้นสายตาจากภายนอก ทำให้สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ภายในบ้านได้อย่างเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลว่าคนภายนอกจะมองเห็น โดยเฉพาะบ้านที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ชุมชน หรือคอนโดมิเนียมที่มีระยะห่างระหว่างตึกไม่มากนัก
โดยทั่วไป ผ้าม่านทุกชนิดสามารถช่วยลดระดับแสงแดดภายในห้องให้อยู่ในโทนที่อบอุ่นพอดี แต่ถ้าห้องใครหันหน้าสู่ทิศที่โดนแสงแดดเต็ม ๆ เป็นประจำทุกวัน แน่นอนว่าบางครั้งผ้าม่านมาตรฐานก็อาจเอาไม่อยู่ หากต้องจะเปิดหน้าต่างรับลม คลายร้อนช่วงกลางวันก็กลัวจะยิ่งร้อน ต้องการจะอยู่ภายในห้องกับเพียงพัดลมก็อาจจะไม่ไหว ทำให้ต้องคอยเปิดแอร์อยู่ตลอดแม้บางคราวจะไม่อยากเปิด นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่อยากนอนกลางวันให้เต็มอิ่มแต่ค่อนข้างไวต่อแสง บางครั้งผ้าม่านมาตรฐานก็อาจไม่ตอบโจทย์ เพราะแสงยังคงเล็ดลอดเข้ามาในห้องได้อยู่ ทำให้นอนหลับได้ไม่เต็มอิ่ม ด้วยปัจจัยทั้งหมดมวลนี้เอง ‘ผ้าม่านกันแสง’ เช่น ผ้าม่าน BLACKOUT จึงถูกผลิตขึ้นมาเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการด้านนี้ของผู้อยู่อาศัยโดยเฉพาะ
ผ้าม่าน BLACKOUT มีหลากหลายชนิด และแต่ละชนิดยังมีคุณสมบัติกันแสงในระดับที่แตกต่างกัน ดังนี้
ในการผลิตผ้าม่าน BLACKOUT ชนิดนี้ ผู้ผลิตจะใช้เทคนิคนำผ้า 2 ชิ้นมาประกบติดกันโดยเคลือบวัสดุทึบแสงไว้ระหว่างกลางเนื้อผ้า จึงป้องกันแสงแดด และ รังสี UV ได้ 100% มีข้อดีคือราคาค่อนข้างถูกและผ้าด้านหน้า และ ด้านหลังสวยเหมือนกัน
สำหรับผ้าม่าน BLACKOUT ชนิดเคลือบโฟม ผู้ผลิตจะใช้เทคนิคเคลือบโฟมที่บริเวณด้านหลังเนื้อผ้า เมื่อสัมผัสด้วยมือจะเหมือนฟองน้ำบาง ๆ เคลือบอยู่ โดยความสามารถในการกันแสงขึ้นอยู่กับระดับชั้นการเคลือบ ซึ่งโดยปกติจะเคลือบกันอยู่ที่ 2 (บล็อกแสงได้เกือบ 100%) หรือ 3 ชั้น (บล็อกแสงได้ 100%) และ ในคอลเลคชั่นที่ใช้ White Acrylic Foam ซับหลังยังจะช่วยซับเสียง และ ช่วยให้ชั้นซับหลังดูสวยงามด้วย
สำหรับผ้าม่าน BLACKOUT ชนิดเคลือบซิลิโคน มีกระบวนการผลิตคล้ายการเคลือบโฟม แต่จากวัสดุโฟม ก็ถูกเปลี่ยนให้เป็น ‘ซิลิโคน’ แทนที่สามารถช่วยกันแสงได้ 100% และยังช่วยทำให้ผ้าม่านเป็นลอนสวยงามอีกด้วย
ในการเลือกผ้าม่าน BLACKOUT ที่เหมาะสม ผู้ใช้งานจึงควรตรวจดูชนิดหรือวัสดุผ้า BLACKOUT ของร้านผ้าม่านเสมอ เพื่อเช็กว่าสามารถกันแสงได้ในระดับใด และตอบโจทย์ความต้องการของเราหรือไม่
นอกเหนือจากการผลิตให้สามารถกันแสงได้ 100% ผู้ผลิตผ้าม่าน BLACKOUT ส่วนใหญ่ยังสามารถพัฒนาและผลิตให้มีคุณสมบัติพิเศษอื่นด้วย เช่น ป้องกันการลามไฟ (Flame Retardant), ดูดซับเสียงสะท้อนภายนอกได้ (Additional Noise Block) และปราศจากสารพิษ โดยเฉพาะสารพทาเลท (Phthalate Free) ซึ่งก่อให้เกิดโรงมะเร็งได้
หลายคนมักคิดว่าผ้าม่าน BLACKOUT ต้องเป็นโทนสีทึบเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงผ้าม่าน BLACKOUT สามารถเป็นได้ทุกสีและทุกลวดลายอย่างหลากหลายตามที่ผู้ใช้งานต้องการ ไม่ว่าจะเป็นผ้าม่านหรู หรือรูปแบบใด คุณสมบัติกันแสงของผ้า BLACKOUT ไม่ได้อยู่ที่สีผ้า แต่อยู่ที่กลวิธีการผลิต เช่น แม้เราจะเลือกโทนสีขาว แต่ถ้าเป็นนวัตกรรม BLACKOUT เคลือบซิลิโคน ก็สามารถช่วยบล็อกแสงได้อย่างตอบโจทย์
ด้วยคุณสมบัติกันแสงสูง 100% ผ้าม่าน BLACKOUT จึงเหมาะในหลากหายการใช้งาน เช่น
ทั้งผ้าม่าน BLACKOUT (แบล็คเอาท์) และ DIMOUT (ดิมเอาท์) มักจะทำออกมาจากวัสดุที่เหมือนกัน คือ โพลีเอสเตอร์ หรือโพลีเอสเตอร์ผสมคอตตอน นอกจากนั้นผ้าม่านทั้งสองชนิด มีความแตกต่างดังนี้
นอกจากนี้ผ้าม่าน BLACKOUT ในบางคอลลเลคชั่นยังมีคุณสมบัติพิเศษอีก คือ สามารถป้องกันการลามไฟ (Flame Retardant) และดูดซับเสียงสะท้อนภายนอกได้ (Additional Noise Block) รวมถึงปกป้องผู้อยู่อาศัยจากรังสียูวี (UV Ray Protection) ได้อีกด้วย
ข้อแตกต่างสำคัญระหว่างผ้าม่านทั้งสองชนิดนี้ก็คือ ระดับการป้องกันแสง โดยผ้าม่าน DIMOUT จะสามารถกันแสงได้ระหว่าง 40% – 95% ขึ้นอยู่กับโทนสีของเนื้อผ้าว่ามีความเข้มมากน้อยแค่ไหน ส่วนผ้าม่าน BLACKOUT สามารถป้องกันแสงได้สูงสุด 100% จากการเคลือบโฟม 3 ชั้น , เคลือบซิลิโคน หรือ เพิ่มวัสดุทึบแสงไว้ระหว่างกลางเนื้อผ้า
เนื่องจากคุณสมบัติการบล็อกแสงได้ 100% ผ้าม่าน BLACKOUT จึงสามารถนำมาใช้ได้ในหลายสถานการณ์ เช่น
ความสามารถในการป้องกันแสงแดดของผ้าม่าน DIMOUT ที่อยู่ระหว่าง 40% – 95% ทำให้เป็นผ้าม่านที่มีความยืดหยุ่นในการใช้งานกับห้องต่าง ๆ ในบ้าน เช่น
นอกจากความเหมาะสมที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ร้านผ้าม่านหลาย ๆ ร้านก็อาจจะแนะนำให้ประยุกต์ผ้าม่านกันแสงกับผ้าม่านไฟฟ้า โดยติดตั้งเข้าด้วยกันเป็นการสร้างระบบ Home Automation ไปพร้อม ๆ กัน
โดยสรุปแล้ว ความแตกต่างของผ้าม่านทั้ง 2 ชนิด เกิดจากปัจจัย กระบวนการผลิต ความสามารถในการป้องกันแสง และความสามารถเพิ่มเติม ในการป้องกันไฟ ลดเสียงรบกวนภายนอก หรือกันแสงยูวี ส่วนในเรื่องของความเหมาะสมนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานห้องของผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก
ABOUT LUXE DECOR
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอคำปรึกษาจากทีมผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าม่านของเราได้ที่
ร้านผ้าม่านสุดหรูที่ LUXE DECOR เท่านั้น